StarCraft Wikia
Advertisement

"เจมส์ เรย์เนอร์คือบุรุษที่ดีเลิศที่สุดเท่าที่ผมพบมาในช่วงการล่มสลายของสมาพันธ์ ทุก ๆ ท่าน ผมขอพูดอะไรหน่อย ในฐานะของเหยื่อและคนร้าย อย่างแรกที่ผมสังเกตเห็น เรย์เนอร์เหมือนกับคาวบอยแห่งป่าดงดิบ คนดีที่คอยพูดโกหกไปวัน ๆ แต่คงมีคนเชื่อมั่นในตัวเขา ความเชื่อมั่นที่พวกคุณต้องพอใจ กระนั้นพวกคุณหลาย ๆ คนก็ยังพอใจที่จะมองเห็นเขาในฐานะของพันธมิตรที่แสนดีและก็...อะไรนะ?...เพื่อนที่ดีไง ทั้งหมดนั้นมันมาจากความเชื่อ จิม เรย์เนอร์นั้นเชื่อมั่นในตัวเองและคนรอบข้างเขาเสมอ นั่นทำให้เขามีพลัง พลังที่จะทำให้ตัวเขาและผู้ติดตามทุกคนรอดพ้นอุปสรรคไปได้ ซึ่งแน่นอนว่าจักรวาลย่อมเมตตาเขา จิมเรย์เนอร์เป็นคนดีที่มีเกียรติ ผมเลยคิดได้ว่าทำไมเรื่องราวของเขาถึงได้โศกเศร้านักท่ามกลางสงครามอันโหดร้ายนี้"

- ไมเคิล ลิเบอร์ตี

เจมส์ ยูจีน "จิม" เรย์เนอร์ (อังกฤษ; James Eugene "Jim" Raynor) คืออดีตจอมพลผู้ผันตัวไปเป็นกบฏแห่งเทอแรน เขาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในเขตคอปรูลูเนื่องด้วยผลงานในการล้มล้างสมาพันธ์และผลงานต่อจากนั้นคือการก่อกบฏต่อผู้สืบทอดตำแหน่งของสมาพันธ์ซึ่งก็คือจักรวรรดินั่นเอง เรย์เนอร์เป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยที่ยังคงสายสัมพันธ์อันดีระหว่างโปรตอสเอาไว้ได้

ชีวประวัติ[]

จิม เรย์เนอร์เกิดในครอบครัวบ้านไร่บนดาวชีโลห์ ในวัยเด็กนั้นเขาได้รับการฝึกฝนทักษะการล่าและยิงปืนจากปู่ของเขา ทักษะเหล่านี้ซึ่งต่อมาได้เอื้อประโยชน์ต่อการดำรงตำแหน่งจอมพลของเขา เขาใช้ชีวิตในบ้านไร่บนดาวบ้านเกิดมาจนกระทั่งอายุถึง 18 ปี

เรย์เนอร์นั้นเก่งทั้งงานโรงเรียนและมีความเชี่ยวชาญอย่างมากในอุปกรณ์ทำการเกษตร นอกจากนั้นยังได้เรียนรู้ในขับขี่ยานพาหนะหลากหลายประเภทอย่างเช่นวัลเจอร์และเขายังได้เป็นนักแข่งเดโมลิชั่นมืออาชีพแห่งเมืองเซ็นเตอร์วิลล์อีกด้วย เรย์เนอร์เคยบอกไว้ว่าพ่อของเขาสอนให้รู้จักการทะเลาะวิวาทและกลั่นแกล้ง ซึ่งในภายหลังนั้นเขาบอกอีกว่าพ่อของเขาเพียงแค่ชี้ทางให้ไม่ใช่จูงมือเดิน

ปีศาจสวรรค์[]

การเข้าประจำการและการฝึกฝน[]

"ถ้าลูกอยากจะไปเกณฑ์ก็ไปเลย ชีวิตของเราเราเลือกได้ว่าจะเป็นใคร และนั่นก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์เราเลยหากลูกจะเป็นฮีโร่"

- เทรซ เรย์เนอร์

JimRaynor SC2 Head4

เรย์เนอร์ในช่วงสงครามเหมือง

ในปี 2488 ทางสมาพันธ์เทอแรนได้เข้าร่วมสงครามที่เรียกว่าสงครามเหมืองเป็นเวลากว่าสามปี ทรัพยากรเริ่มร่อยหรอ ภาษีสูงขึ้น ทางกองทัพจึงได้ใช้นโยบายเกณฑ์ชาวบ้านวัยรุ่นเข้ามามากขึ้น รวมไปถึงทอม โอเมอร์ หนึ่งในเพื่อนของเรย์เนอร์

ระหว่างที่เขากำลังรอเติมเชื้อเพลิงให้กับรถบรรทุกอยู่นั้นเรย์เนอร์ได้พบกับแฮงค์ ฮาร์แนค คู่แข่งเดโมลิชั่นของเขา ฮาร์แนคเข้ามาขัดขวางเขาและเข้ามาหาเรื่องทะเลาะวิวาท เวลาต่อมาในวันเดียวกันจ่าปืนฟาร์เลย์ได้เข้ามาเกลี้ยกล่อมเรย์เนอร์ให้เข้าร่วมกองทัพนาวิกโยธินแห่งสมาพันธ์ เริ่มแรกนั้นพ่อแม่ของเขาได้คัดค้านแต่ทว่าในเวลาต่อมาก็ได้ยินยอมส่งเขาให้เข้าเกณฑ์ทหารและเซ็นยินยอมที่เซ็นเตอร์วิลล์ เรย์เนอร์นั้นคิดว่าการเดินออกจากดาวของตนจะต้องสนุกแน่นอนทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น แย่ไปกว่านั้นคือเรย์เนอร์พุ่งเข้าใส่ฮาร์แนคอีกครั้งซึ่งฮาร์แนคได้จัดการเขาและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้ผู้ถูกเกณฑ์คนอื่น ๆ จึงจัดการคว่ำบาตรเขา (รวมถึงโอเมอร์) เพราะไม่อยากโดนลูกหลงด้วย พันเอกแธดเดียส ทิมสันจึงได้จัดการแยกทั้งคู่ออกจากกัน ทั้งสองเลิกทะเลาะกัน หลังจากนั้นเรย์เนอร์จึงได้ลุกขึ้นมายืนต่อหน้าฮาร์แนคและปรับความเข้าใจกันกับบรรดาสาวกของเขา ทั้งสองคนจึงได้คืนดีกัน

ท้ายที่สุดแล้วพวกเขา (รวมทั้งโอเมอร์) ก็ได้ขึ้นยานลำเลียงพลไฮดรัสไปยังเขตสงครามบนดาวทูแร็กซิส 2เพื่อเข้ารับการฝึกขั้นพื้นฐาน เรย์เนอร์ได้เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเหตุใดกองทัพของสมาพันธ์จึงขาดอุปกรณ์ที่ดีแม้ว่าจะมีการขึ้นภาษีในช่วงสงครามก็ตาม ระหว่างทางนั้นบรรดานักโทษนับร้อยที่โดนล้างสมองซึ่งเป็นโปรแกรมของทางสมาพันธ์ก็เกิดควบคุมสติไม่อยู่และทะเลาะวิวาทกัน ฮาร์แนคได้ท้าทายคนจำนวนมากให้มาสู้กับตนเอง เรย์เนอร์ได้เข้าร่วมวงและสู้เคียงข้างฮาร์แนคในขณะที่โอเมอร์ชนะเดิมพัน หลังจากนั้นเรย์เนอร์และฮาร์แนคจึงได้เป็นเพื่อนกัน

เรย์เนอร์, ฮาร์แนค, โอเมอร์ และพลทหารอีกจำนวนสิบสองคนได้นั่งยานขนส่งลงไปยังผิวดาว อย่างไรก็ตามมันกลับถูกยิง นักบินถูกสังหารและลูกเรือคนหนึ่งนามว่าซานเธย์บาดเจ็บ เรย์เนอร์ได้รีบเข้ามาดูอย่างรวดเร็ว เขาช่วยพยุงซานเธย์ออกมา สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากสิบเอกแฮนสัน ซึ่งเขาประทับใจกับภาวะผู้นำภาคสนามของเรย์เนอร์เป็นอย่างมาก บรรดาทหารใหม่ได้ถูกย้ายไปยังทูแร็กซิสไพรม์เพื่อเข้ารับการฝึก ณ ที่นั่นซานเธย์ทนผิดบาดแผลของตนเองไม่ไหวและได้เสียชีวิตลง เรย์เนอร์เริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรต่อไป การประกาศถึงการฝึกที่สั้นลงไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ระหว่างการฝึกเรย์เนอร์ได้เป็น "นายกอง" และเป็นผู้นำกลุ่มแรกของกองทหารที่สองในหน่วย D ฮาร์แนคได้รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยและยินดีทำตามคำสั่งของเขา ในระว่างที่เขากำลังอ่านรายละเอียดบทลงโทษอยู่กับฮาร์แนค เขาได้สนิทสนมกันกับอาร์ค เบนเนท หน่อเนื้อขัตติยะแห่งตระกูลเก่าซึ่งถูกจับตัวมาขายให้กับทางกองทัพในชื่อว่า "ริค คิดด์" พวกเขาได้สอนให้เขาได้รู้ถึงวิถีชีวิตภายนอกตระกูล

Vulture Heaven'sDevils Art1

การแว้นอย่างมีความสุขของเรย์เนอร์

ในคืนก่อนสำเร็จการศึกษาเรย์เนอร์, ฮาร์แนค และ "คิดด์" ได้เดินทางไปยังเมืองแบรดด็อคเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ทว่ากลับมีบางดลใจเป็นอื่น พวกเขาเมาและทะเลาะวิวาทกันในบาร์ พวกเขาพยายามหนีโดยการขโมยวัลเจอร์ทว่ากลับไม่พ้นมือตำรวจ ที่สุดแล้วพวกเขาก็ถูกปล่อยตัวในวันถัดมา ก่อนพิธีการสำเร็จการศึกษารย์เนอร์พยายามติดต่อทางบ้านซึ่งพวกเขาได้เก็บซ่อนเงินที่สกปรกเอาไว้แม้ว่ามันจะเป็นโบนัสจากการเกณฑ์ทหารของเขาก็ตาม การได้รับรู้ว่าทางบ้านสบายดีนั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่เรย์เนอร์กลับไม่สบายใจ

ระหว่างการสำเร็จการศึกษานั้นเรย์เนอร์, ฮาร์แนค, คิดด์ และคนอื่น ๆ อีกมากมายได้ถูกส่งตัวไปยังฐานทัพอากาศโบโรโดยทางอากาศและไปยังป้อมปราการฮาวโดยรถบรรทุก ขณะนั้นเองพวกเขาได้ผูกมิตรกับแมกซ์ แซนเดอร์ เรย์เนอร์ได้ตระหนักถึงผลเสียจากสงครามที่มีต่อประชาชนมากมาย เขาเคยแบ่งข้าวให้เด็กที่อดยากมากมายแต่ก็ได้รับรู้ว่านั่นไม่เพียงพอ และยังรู้ได้อีกว่าชีโลห์ก็มิอาจรอดพ้นชะตากรรมนี้ หลังจากนั้นไม่นานนักขบวนรถของพวกเขาก็ถูกโจมตีโดยเฮลล์ฮาวด์ของเคล-มอเรียนและขบวนก็แตกกระจัดกระจาย คนขับรถของพวกเขาได้ติดต่อไปยังฐานทัพปืนใหญ่ซูลูและมอบหมายให้เรย์เนอร์นำนาวิกโยธินสองหน่วยไปโดยการเดินเท้าในขณะที่หน่วยอื่นให้รถบรรทุกสองคันที่เหลือ ในระหว่างที่พวกเขากำลังปีนข้ามเขาไปนั้นพวกเขาก็ยินเสียงปะทะกันทางทิศใต้ เขารู้ได้ทันทีเลยว่าการจราจรคงหยุดลงแล้ว ด้วยการนี้เขาจึงสั่งให้หน่วยไปสมทบที่ฐานแทน

ณ ที่นั้นเรย์เนอร์คือผู้นำหน่วยของเขาเองซึ่งปฏิบัติการณ์ภายใต้ชื่อว่า "ซูลู 23 - Zulu 23" เขามอบหมายให้คิดด์และแซนเดอร์ไปยังจุดซุ่มยิงและเข้าโจมตีซึ่งพวกเขาได้ยึดรถเอพีซีจำนวนหนึ่งจากเคล-มอเรียน อย่างไรก็ตามเรย์เนอร์ก็ได้ทราบว่าทอม โอเมอร์นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เรย์เนอร์ติดต่อไปยังกัปตันเซงโกที่ฐานซูลูและรายงานสถานการณ์ให้เขาทราบ เคล-มอเรียนถูกขับไล่ออกไปได้ทว่าโอเมอร์นั้นทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในที่สุด เรย์เนอร์ได้ปลอบขวัญให้แก่เขาจนวินาทีสุดท้าย

เพื่อนใหม่[]

"มันเป็นความคิดที่ดีนะที่คุณจะใช้เวลาไปในการผูกมิตร ส่วนมากแล้วผมจะใช้เวลาไปหกรอบเห็นจะได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกปืน เบียร์หรือวิธีการอุบาทว์ต่าง ๆ นานาก็แล้วแต่วัน"

- จิม เรย์เนอร์กล่าวในการสัมภาษณ์

ป้อมฮาวเรย์เนอร์ได้รับการแต่งยศเป็นสิบตรีเนื่องด้วยภาวะผู้นำที่ดีของเขา ทว่าตัวเขาและลูกทีมมักจะได้ทำงานที่น่าเบื่ออย่างเช่นการดูแลเสบียงที่คลังพลาธิการที่ 7 พลทหารคนหนึ่งได้มองหาเสบียงให้ตัวเองและผิดหวังกลับไปเมื่อเรย์เนอร์บอกว่าให้กลับมาอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ทว่านายทหารตัวใหญ่คนหนึ่งซึ่งตอนนี้ถูกถอดยศและคุมขังชื่อว่าไทคัส ฟินด์เลย์ได้เข้ามาข่มขู่เขาซึ่งได้ผลค่อนข้างดี เมื่อเขาดึงเสื้อของเรย์เนอร์ขึ้นมาแฮงค์ ฮาร์แนคก็เข้ามาช่วย ฟินด์เลย์จึงยอมจำนนและจากไป

โชคร้ายของเรย์เนอร์ ไทคัสได้ตกเป็นที่สนใจของผู้บังคับบัญชาของป้อมฮาว พลโทเจเวียร์ แวนเดอร์สพูลผู้ที่แต่งตั้งยศจ่าให้กับเขาและมอบหน้าที่นำหน่วยของเรเนอร์ ไทคัสได้มาเผชิญหน้าพวกเขาอีกครั้งทว่าถูกขัดจังหวะโดยคำประกาศการถูกโจมตีโดยเคล-มอเรียนของนายพลแวนเดอร์สพูล เรย์เนอร์แนะนำให้พวกเขาไปที่คลังแสง ที่นั่นเองที่พวกเขาได้สังเกตเห็นรถบรรทุกขนส่งนาวิกโยธินซึ่งขับโดยพลเรือนของทางสมาพันธ์ซึ่งมีเสบียงอยู่มากมายภายในนั้น เรย์เนอร์, ฟินด์เลย์ และคนอื่น ๆ ได้ยึดรถเหล่านั้นไป อย่างไรก็ตามฟินด์เลย์ได้ใช้โอกาสนี้ในการขับไล่ศัตรูออกไปจากฐาน ในความจริงแล้วเขาต้องการจะไปเอาสมบัติคืนซึ่งเขาซ่อนไว้ที่วิทฟอร์ด ฟินด์เลย์ได้หลอกให้เรย์เนอร์ยอมปล่อยเขาไปแต่ก็ยอมให้รถกลับไปอย่างน้อยหนึ่งคันเพื่อสร้างหลักฐานว่ามีตัวตนอยู่

เจเวียร์ แวนเดอร์สพูล นายพันผู้ที่เพิ่งได้รับการเลื่อนยศมาใหม่ ๆ ได้เป็นผู้นำกองพันพิทักษ์อาณานิคมที่ 321 ซึ่งเป็นกองกำลังผสมระหว่างหน่วยนาวิกโยธินและหน่วยผู้พิทักษ์ กองกำลังนี้ถูกตั้งขึ้นภายใต้ชื่อของหน่วยปฏิบัติการและกลยุทธพิเศษ ผู้หมวดมาร์คัส ควิกบี (คนที่เรย์เนอร์ไม่ชอบ) ได้เป็นผู้นำหน่วยนี้และฟินด์เลย์จะได้เป็นผู้นำหน่วยแรกซึ่งประกอบด้วยแฮงค์ ฮาร์แนค, ริค คิดด์, จิม เรย์เนอร์, คอนเนอร์ วอร์ด และแมกซ์ แซนเดอร์ เจ้าหน้าที่พยาบาลลิซา แคสซิดีได้รวมอยู่ในหน่วยนั้นด้วย รวมไปถึงวิศวกรฮีรัม ฟีก ฟีกได้พัฒนาชุดเกราะซีเอ็มซี-230 "ธันเดอร์สไตรค์" ขึ้นมาเพื่อควบคุมการปล่อยตัวลงจากยานขนส่ง สมาชิกหน่วยหลายคนต่างหวังว่าจะได้ใช้อุปกรณ์นี้

กลุ่มโจรขโมยรถบรรทุกซึ่งรวมทั้งเรย์เนอร์ด้วยนั้นได้วางแผนจะขายของที่ขโมยมา การแลกเปลี่ยนเป็นไปได้ด้วยดีทว่าหลังจากนั้นไม่นานนักพวกเขาก็ถูกจี้รถทว่ากลับพิชิตคนเหล่านั้นได้

ควิกบีนั้นมีคนไม่ชอบหน้าเขาเยอะมากในหน่วยโดยเฉพาะแคสซิดี เธอได้แอบวางยาในน้ำดื่มของเขาซึ่งทำให้เขาต้องอับอายขายขี้หน้าในการสาธิตบางอย่างต่อหน้าพ่อของเขาเอง นั่นทำให้เธอถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นทางการส่วนควิกบีถูกย้ายไปยังหน่วยอื่น ฟินด์เลย์จึงได้ทำหน้าที่คุมหน่วยนี้แทนเป็นการชั่วคราว

แซนเดอร์ใช้เงินของตัวเองซื้ออาหารและมอบให้แก่ผู้อพยพ วอร์ดและฟีกได้ช่วยงานเขาเช่นกันที่ทางข้ามฟินเนอร์ ในที่นั้นเองที่พวกเขาถูกจับตัวไปโดยแก๊งของซีลัส ทราสก์แต่ทว่าฟีกสามารถหนีออกมาได้และไปเตือนให้เรย์เนอร์ได้ทราบ ฟินด์เลย์และคนอื่น ๆ จึงได้เข้าไปช่วย เรย์เนอร์ได้แนะนำว่าเขตชนบทนั้นมิได้เปล่าเปลี่ยวอย่างที่เห็น ชาวบ้านแถวนั้นรู้ดีเรื่องการลักพาตัว เรย์เนอร์และฟินด์เลย์ได้จ่ายใต้โต๊ะให้กับเจ้าของบาร์เฮอร์เลย์เพื่อแลกกับแผนที่ ในบาร์นั้นเรย์เนอร์และฟินด์เลย์ได้แลกเปลี่ยนปรัชญาชีวิตให้แก่กัน

แผนการของเรย์เนอร์ประสบความสำเร็จ: ทราสก์ถูกฆ่าตายและลูกทีมก็พ่ายแพ้ไป พวกเขาได้ตระหนักว่าแท้จริงแล้วเฮอร์เลย์พยายามล่อให้พวกเขาไปติดกับ ไทคัสได้ซ้อมเขาจนเกือบตาย เรย์เนอร์ได้เข้ามาห้าม

จุดเริ่มต้นของตำนานปีศาจสวรรค์[]

"จงซ่อนตัวหากทำได้ หาช่องว่างในจิตใจของคุณและคืบคลานเข้าไป"

- โคล ฮิคสันแนะนำเรย์เนอร์ในการต้านทานความทรมาน

JimRaynor SC-Com6 Head2

เรย์เนอร์ในค่ายเชลยศึก

ผู้พันแวนเดอร์สพูลได้วางแผนโจมตีฐานทัพของเคล-มอเรียนในค่ายกักกันแห่งเคล-มอเรียนที่ 36 ซึ่งมีเชลยศึกของทางสหพันธ์ถูกขังอยู่มากมาย เขาได้เรียกตัวอดีตพลขับยานขนส่งเชลยศึกแคลร์ โฮบาร์ธเพื่อมารับทราบแผนการซึ่งเธอได้บอกข้อมูลสำหรับค่ายนี้และผู้คุมที่มีชื่อว่าฮันซ์ บรุกเกอร์ ฉายา "บรุกเกอร์โจมโหด"

หน่วยนี้ได้เข้ารับการฝึกที่ "ค่ายแครช" สำหรับการโจมตีนี้ และเรย์เนอร์นั้นเขาใช้ชุดเกราะธันเดอร์สไตรค์ได้ไม่ดีเท่าใดนัก

ด้วยความรู้สึกผิดในตอนที่เขาไปขโมยรถบรรทุกเรย์เนอร์จึงเสนอแผนช่วยเหลือเชลยศึกพร้อมการบุกโจมตีครั้งนี้ ด้วยความคิดว่าเหล่าเชลยศึกคงจะอ่อนเพลียและนั่นจะทำให้เขาเข้าไปและรวบรวมพวกเขาได้ง่าย เขาจะปลอมตัวเป็นพลขับเฮลล์ฮาวด์ของเคล-มอเรียนที่จับตัวมาได้ซึ่งมีชื่อว่าราส ฮาการ์และจดจำข้อมูลส่วนตัวของเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แวนเดอร์สพูลได้เห็นดีเห็นงามในการนี้ด้วย

"ฮาการ์" ได้มารับประทานอาหารเย็นกับบรุกเกอร์ในที่ที่ซึ่งเหล่าเชลยศึกผู้หิวโหยได้แต่เพียงนั่งดูและถูกบังคับให้เล่นดนตรี แท้จริงแล้วนั้นบรุกเกอร์รู้ดีว่าเรย์เนอร์นั้นปลอมตัวมาและแสร้งทำให้ห้องนั้นว่างเพื่อให้เขาได้ช่วยเชลยศึก เรย์เนอร์ได้เข้าไปเตือนนักโทษหลาย ๆ คนในนั้นทว่าไม่นานนักบรุกเกอร์ก็กับมาพร้อมกับทหารของเขาซึ่งเป็นคนจับเรย์เนอร์เข้าห้องกรงเอง เขาถูกสอบสวนถึงการโจมตีที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งโดยบรุกเกอร์และดร.โมลเลอร์ หลังจากนั้นจึงส่งไปล้างสมองซึ่งเป็นสิ่งที่เรย์เนอร์ไม่รู้จักมาก่อน โคล ฮิกสันซึ่งเป็นทหารของทางสมาพันธ์จากอีกหน่วยหนึ่งได้ถูกนำไปทรมานอยู่ข้างเรย์เนอร์และถูกถามเรื่องการล้างสมองเช่นกัน ฮิกสันสอนให้เรย์เนอร์เข้าไป "ซ่อน" อยู่ใน "รู" ที่อยู่ภายในจิตใจของตนเอง เขาเชื่อว่าเขาคงตายหรือไม่ก็เป็นบ้าไปแล้วแน่นอนหากไม่ได้ฮิกสันช่วยเอาไว้

ในที่สุดแล้วทั้งสองก็ถูกจับมัดใส่เสาด้านนอกต่อหน้าประชาชนคนคุกอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้หน่วยธันเดอร์สไตรค์จะสามารถเข้ามาช่วยพวกเขาได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามภารกิจช่วยเหลือนี้ได้ถูกขัดขวางเนื่องจากทางเคล-มอเรียนได้ไล่ล่ายานขนส่งลำอื่น ๆ เรย์เนอร์จึงเสนอให้ขโมยรถของเคล-มอเรียนและขับไปยังพื้นที่ปะทะแทน รถบัญชาการเซเบอร์ได้หยุดวิ่ง ผู้คุมบรุกเกอร์บาดเจ็บสาหัสและถูกจับตัว ในระหว่างการรักษานั้นลิซา แคสซิดีได้แอบวางยาบรุกเกอร์

ขบวนรถขนาดใหญ่ได้หนีออกจากค่ายซึ่งบรรทุกเหล่าอดีตนักโทษไปด้วย เรย์เนอร์ซึ่งได้รับสารกระตุ้นจากแคสซิดีได้นำทางคนอื่น ๆ ไปยังวัลเจอร์ที่เหลืออยู่ พวกเขาถูกโจมตีโดยหน่วยคอมมานโดสเนคเฮดทว่าสามารถเอาชนะได้ด้วยกำลังเสริมจากสมาพันธ์ การศึกครั้งนี้พวกเขาได้รับชัยชนะทว่ามันต้องแลกมากับชีวิตพี่น้องประมาณครึ่งหน่วย

ทรีฟิงเกอร์แจคส์ โฮบาร์ธได้ขนานนามหน่วยรบนี้ว่า "ปีศาจสวรรค์" เรย์เนอร์และคนอื่น ๆ พากันสักตราสัญลักษณ์นี้ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ

ยุทธการพอล์คสไพรด์[]

Heaven's Devils SC2 Art3

รูปภาพของหน่วยแรก ถ่ายเมื่อได้รับชัยชนะที่พอล์คสไพรด์

ผู้พันแวนเดอร์สพูลมีความประสงค์ที่จะยึดคลังทรัพยากรที่พอล์คสไพรด์ซึ่งในอดีตนั้นสถานที่แห่งนี้เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่สองของทูแร็กซิส 2 เมืองนี้ได้ถูกแบ่งแยกออกโดยแม่น้ำแพดดิคโดยแบ่งเป็นตอนเหนือ (พื้นที่ของกลุ่มพันธมิตรเคล-มอเรียน) และตอนใต้ (ควบคุมโดยสมาพันธ์เทอแรน) สมาพันธ์ได้พยายามบุกตอนเหนือของแม่น้ำมาถึงสองครั้งทว่ากลับล้มเหลวในการข้ามแม่น้ำทุกครั้ง

หน่วยรบปีศาจสวรรค์ซึ่งตอนนี้นำทัพโดยผู้หมวดสมันธา แซนเชสจะเดินทัพตามหลังกองทหารที่โดนล้างสมองซึ่งนำโดยเจ้าหน้าที่ชั้นประทวนอาวุโสแห่งกองพันชื่อว่าจ่าโทร็อกเวลล์ แวนเดอร์สพูลได้เสนออุบายข้ามแม่น้ำขึ้นมา อย่างไรก็ตามทางเคล-มอเรียนได้ส่งกองทัพออกมาต่อต้านเช่นกัน เรย์เนอร์ได้แต่เพียงยืนมองเหล่าทหารที่โดนล้างสมองถูกฆ่าไปทีละคนต่อหน้าต่อตาเขา

แซนเชสถูกฆ่าโดยพลซุ่มยิงของข้าศึก พลซุ่มยิงริค คิดด์ได้ลั่นวาจาว่าจะแก้แค้นให้แต่เขาต้องการให้เพื่อน ๆ ยิงถ่วงเวลาไว้ให้สักหน่อย เรย์เนอร์ได้ปฏิบัติตามนั้นและเกือบถูกยิงเจาะกะโหลก คิดด์ได้ใช้โอกาสนี้ในการกำจัดพลซุ่มยิงของศัตรู

เพื่อป้องกันตัวเองจ่าโทร็อกเวลล์จึงได้สั่งให้นาวิกโยธินที่โดนล้างสมองจำนวนมากไปตายเพื่อตนเอง เมื่อเขาได้กล่าวออกมาว่าคนพวกนี้ไร้ประโยชน์เรย์เนอร์จึงฟิวส์ขาดและต่อยเขาเข้าไปเต็ม ๆ กองทัพผสมของสมาพันธ์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นักข่าวจากยูเอ็นเอ็นนามว่าแมกซ์ สเปียร์ได้ถ่ายภาพพวกเขาเก็บเอาไว้

จุดจบของปีศาจ[]

JimRaynor SC2 Art1

ชุดเกราะใหม่ของเรย์เนอร์

เรย์เนอร์ถูกจับกุม โดนถอดยศกลับไปเป็นพลทหารอีกครั้งและถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาหนึ่งเดือนโทษฐานทำร้ายร่างกายร็อกเวลล์ ด้วยความจงรักภักดี ฮีรัม ฟีก ได้ไปเยี่ยมเขาหลายครั้ง วันหนึ่งเขาได้มาเตือนเรื่องการหักหลังของผู้พันแวนเดอร์สพูลซึ่งเขาได้ทำลายชุดของหน่วยรบปีศาจไปแล้ว ฟีกตามหาจนพบชุดเกราะและได้ทำการซ่อมแซม นอกจากนี้ฟีกยังได้ทาสีหน้ากากเป็นรูปหัวกะโหลกให้เขาด้วย เวลาต่อมาแวนเดอร์สพูลได้วางแผนขโมยผลึกอาร์เดออนจากระบบรถไฟของเมืองคอร์ซีพร้อมกับการสมรู้ร่วมคิดของเออร์โรล เบนเนท (พ่อของ "ริค คิดด์") และผู้คุมของเคล-มอเรียนนามว่าอารอน แพกซ์ คิดด์และแมกซ์ แซนเดอร์ได้นำข้อมูลนี้ไปบอกแก่ไทคัส ฟินด์เลย์ซึ่งเขาได้วางแผนขโมยแท่งผลึกนี้มาจากแวนเดอร์สพูลอีกที

กองทัพของแวนเดอร์สพูลซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยรบของเรย์เนอร์และกองทัพทหารที่โดนล้างสมองภายใต้บังคับบัญชาของผู้หมวดฟิทส์ได้ปลอมตัวเป็นชาวเคล-มอเรียนและลงจอดบนท่าอวกาศยานแห่งหนึ่งในคอร์ซี หน่วยรบของเรย์เนอร์ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ทางทิศตะวันตกของเมืองและปล่อยชาวเมืองที่เคล-มอเรียนจับมาให้เป็นอิสระ พวกเขาได้กลับมารวมตัวกับกองทัพของแวนเดอร์สพูลอีกครั้งที่สถานีรถไฟและได้รับคำสั่งให้วางกำลังเป็นแนวหน้า เมื่อรถไฟมาถึงแพกซ์กลับหักหลังแวนเดอร์สพูล กองทัพริปเปอร์ของเขาเกือบจะได้รับชัยชนะทว่าเครื่องพ่นไฟของแฮงค์ ฮาร์แนคสามารถพลิกสถานการณ์ได้ รถไฟสามารถหนีรอดไปได้ซึ่งมันได้นำสมบัติทั้งหมดไปด้วยส่วนแพกซ์ยังคงอยู่กับริปเปอร์ แวนเดอร์สพูลพยายามจะฆ่าหน่วยรบปีศาจด้วยการล็อกชุดเกราะของพวกเขาทว่าด้วยความสามารถของฟีกแล้วมันจึงไม่เป็นผล ฟิทส์ได้รับคำสั่งให้จับกุมแคสซินี เรย์เนอร์และกลุ่มของเขาได้วางแผนหนี พวกเขาจะขโมยรถของแวนเดอร์สพูลและใช้มันเพื่อค้นหาพวกเขาและเคล-มอเรียนทั้งหมดในสถานีนั้น

สลอธของเคล-มอเรียนได้เข้ามาขัดขวางการถอยกลับไปยังท่าอวกาศยานของหน่วยนั้น ในระหว่างนี้คอนเนอร์ วอร์ดถูกฆ่าตาย แวนเดอร์สพูลที่กำลังหนีตายไปกับทหารกลุ่มหนึ่งได้สังหารแมกซ์ แซนเดอร์ด้วยตัวของเขาเอง ณ ท่ายานนั้นฮาร์แนคได้ถูกฆ่าตายเมื่อเขาพยายามจะจุดไฟใส่เชื้อเพลิง

แวนเดอร์สพูลได้กลับมาถึงแต่ไร้อำนาจแล้ว เขาและแคสซิดีถูกจับได้โดยผู้คุมแพกซ์ หลังจากนั้นจึงเกิดเหตุยิงปะทะกันขึ้นมา ผลคือแพกซ์และแคสซิดีตายทั้งคู่ส่วนแวนเดอร์สพูลได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้พันท่านนี้ได้ร้องขอชีวิต เขาเสนอว่าจะให้ริค คิดด์ได้กลับไปอยู่กับพ่อของเขาโดยไม่มีข้อแม้ แวนเดอร์สพูลพยายามหยิบปืนของแพกซ์แต่เรย์เนอร์ได้เข้ามาเหยียบมือของเขาไว้และจัดการบดกระดูกด้วย หลังจากนั้นเรย์เนอร์จึงยิงเขาเข้าที่หน้าอก

คนนอกกฎหมาย[]

RaynorFindlay SC2 Art1

เรย์เนอร์และฟินด์เลย์

หลังจากนั้นไม่นานเรย์เนอร์, ฟินด์เลย์ และคิดด์ก็ได้ละทิ้งภารกิจกองทัพไปและคู่หูดูโอก็ได้ผันตัวไปรับจ้างฆ่าคนโดยไม่ปรากฏตัว ฟินด์เลย์และเรย์เนอร์ได้ตัดสินใจอยู่ด้วยกันในขณะที่คิดด์ขอแยกตัวไปยังทางเดินของตนเอง ทว่ายังคงมีการติดต่อหากันอยู่บ้างเล็กน้อย หลายปีพ้นผ่านทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกับยานบินและพาหนะอื่น ๆ เป็นจำนวนมากและมักจะออกปล้นท่าอวกาศยานอยู่บ่อย ๆ เพื่อเปลี่ยนยานลำเก่าสู่ลำใหม่ ในช่วงเวลานี้เองที่เรย์เนอร์ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อเขาเอง

หลังจากเสร็จสิ้นสงครามทั้งคู่ได้กลายเป็นคนนอกกฎหมายและเข้าปล้นในหลายสถานที่ตลอดเวลาหลายปีในเขตคอปรูลู หนึ่งในเป้าหมายหลักของพวกเขาคือรถไฟสายเชลเอกซ์เพรสซึ่งถูกปล้นไปอย่างน้อย 12 ครั้ง ไม่มีสิ่งใดมาหยุดพวกเขาได้แม้แต่หน่วยคุ้มกันรถไฟก็เช่นกัน

ฮาจิ[]

ในช่วงต้นปี 2489 ทั้งคู่ได้ถูกไล่ให้ไปจนมุมอยู่ที่ฮาจิโดยกองทัพของสมาพันธ์ซึ่งนำโดยนายพลโซล เคอร์วอค ตึกราบ้านช่องรอบตัวพวกเขาต่างก็ถูกเผาทำลายลงจนราบคาบ ก่อให้เกิดการเสียชีวิตมากมายแต่กระนั้นทั้งคู่ก็ยังหนีรอดไปได้ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปขโมยวัลเจอร์ของทางสมาพันธ์อย่างโจ่งแจ้งและเข้าช่วยชาวเมืองที่ติดอยู่ในกองเพลิง ช่าวเมืองได้เข้าร่วมกันกับพวกเขาทำให้ทั้งคู่สามารถจับกุมตัวนายพลเคอร์วอคได้ พวกเขาปล่อยเขาไปทว่าเคอร์วอคได้วางแผนเอาคืนโดยร่วมมือกับเทอร์นาส ชานซึ่งเขาสั่งให้ทหารปลอมตัวเป็นพลเรือน พวกเขาได้ซุ่มโจมตีทั้งคู่ทว่าแผนนี้กลับไม่เป็นผลเพราะชาวเมืองได้ฆ่าพวกเขาไปมากเช่นกัน ชานได้ใช้โอกาสนี้สังหารเคอร์วอค คู่หูได้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆ่าเคอร์วอค

นิวซิดนีย์[]

"นี่แหละสิ่งที่เราทำ ให้ตายเถอะ มันเรียกหาเราแล้ว ให้เราไปปลดปล่อยและแจกเงินชาวเมืองเพื่อให้พวกเขาไปทำอะไรที่ดีกว่า

อย่างเช่นกินเหล้าเคล้านารีและก็สเต็กในมื้อเย็นด้วยนะ

ความคิดดีนี่"

- ฟินด์เลย์และเรย์เนอร์ได้กล่าวไว้ในการปล้นครั้งหนึ่งที่นิวซิดนีย์

JimRaynor Devils'Due Art1

เรย์เนอร์กับตู้เพลงของเขา

ในปี 2489 ทั้งคู่ได้ตั้งรกรากอยู่ที่เมืองนิวซิดนีย์และอยู่ที่นั่นเป็นเวลาห้าปี พวกเขาตั้งฐานอยู่ในบริเวณแบดแลนส์ ทั้งสองคนได้ค้นหาเส้นทางปล้นเงินของสมาพันธ์ (และในกรณีของเรย์เนอร์นั้นเข้าต้องการของเก่าอย่างเช่นปืนลูกโม่ โคลต์ซิงเกิลแอคชั่นอาร์มีและตู้เพลง) และใช้เงินนั้นบำเรอตนเองจนกลายเป็นวัฏจักรวนเวียน รายจ่ายของพวกเขานั้นมักจะเกิดขึ้นที่วิกท์เวนส์ในเรื่องของการดื่มเหล้าเคล้านารีเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาทำเช่นนี้บ่อยจนสนิทกันกับพนักงานในร้าน ด้วยการนี้ทำให้มันเกิดประโยชน์กับพวกเขาอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อจอมพลวิลคส์ บัตเลอร์ได้ออกล่าพวกเขาในปี 2492 ซึ่งพนักงานก็ให้ที่หลบภัยอย่างดี ทั้งคู่ได้พบเจอกับท่านจอมพลผู้นี้หลายครั้งในหลายปีและมักจะหนีหายไปได้เสมอ ในช่วงนี้พวกเขายังคงมีศีลธรรมอยู่ พวกเขาจะไม่ทำร้ายคนที่ยืนมองอยู่โดยรอบและจะใช้วิธีการทำให้หมดสติแทนที่จะฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จอร์จ วูดลีย์เป็นหนึ่งในนั้น ในระหว่างนี้เรย์เนอร์ได้ส่งเงินที่เขาปล้นมาไปให้กับแม่ของเขาบนชีโลห์ด้วย อย่างไรก็ตามโดยการอ้างอิงจากข้อความโดยเพื่อนของเขาจากตระกูลเก่าที่มีชื่อว่าไมลส์ แฮมมอนด์ เขาบอกว่าแครอลไม่ยินดีรับเงินเหล่านี้ เขาบอกว่าเรย์เนอร์กลับไปยังดาวบ้านเกิดเพื่อสะสางเรื่องนี้ ทว่าไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน เรย์เนอร์ได้ปฏิเสธและสั่งให้แฮมมอนด์รับประกันด้วยว่าแม่ของเขาจะได้รับเงิน

มิได้มีแต่เพียงแฮมมอนด์เท่านั้นที่ติดต่อเรย์เนอร์อยู่แม้ว่าชื่อเสียงในฐานะของคนนอกกฎหมายจะมาจากไทคัสเป็นส่วนใหญ่ อาชญากรรมของพวกเขาได้เป็นที่สนใจของเจ้าแห่งอาชญากรรมนามว่าสกัตเตอร์ โอเบนอนผู้ซึ่งมีความคิดจะจ้างพวกเขาไว้ใช้งานด้วย เรย์เนอร์ไม่ได้สนใจงานนี้เนื่องจากได้ยินชื่อเสียงอันโหดเหี้ยมของเขาและการลักลอบนำเข้ายาเสพติดด้วย ทั้งสองคนจึงได้ตกลงอยู่ตามลำพังไปก่อนและไทคัสได้ยื่นข้อเสนอให้บุกสถานีอวกาศฮอร์เลย์ บาร์ตันเพื่อเข้าปล้นผลึกอันมีค่ามากมายจากคลังสินค้า ทั้งสองคนได้ขโมยยานแพลเน็ตฮอปเปอร์มาสองลำและหลังจากการซ่อมแซมเสาอากาศบนวัลเจอร์ของตัวเองแล้วพวกเขาได้ล่อให้จอมพลบัตเลอร์ตามไปไกลถึงสี่สิบกิโลเมตรโดยที่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นและไม่มีอะไรเลย ทั้งคู่ได้บุกเข้าไปในสถานีและกลับออกมาด้วยยานขนส่งสินค้าที่มีแท่งผลึกอยู่เต็มในนั้น พวกเขามุ่งหน้าไปยังดวงจันทร์เฮอร์เมสเพื่อพบกับผู้ว่าจ้าง

ในการนัดพบที่เดอะพิทนั้นได้เผยให้พวกเขารู้ว่าผู้ว่าจ้างนี้เป็นกลุ่มโจรสลัดอวกาศที่มีชื่อว่ากลุ่มกะโหลกครวญ ธุรกิจไปได้ด้วยดีพร้อมทั้งข้อเสนอหนึ่งอย่าง ข้อเสนอที่เหล่าคนนอกกฎหมายจะต้องให้ส่วนแบ่งซึ่งกันและกันพร้อมทั้งการเป็นหุ้นส่วน เรย์เนอร์และฟินด์เลย์ได้ตอบรับข้อตกลงนี้และหวนคืนสู่นิวซิดนีย์ ทว่าพวกเขาอยู่ได้ไม่นานนักเพราะพนักงานคนหนึ่งที่วิกท์เวนส์ได้ขายทั้งคู่ให้กับทางการและทำให้พวกเขาต้องลี้ภัยไปยังฐานที่แบดแลนส์ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตัดสินใจทำงานให้กับกลุ่มกะโหลกครวญนี้พร้อมทั้งหาดาวดวงใหม่อยู่

นักล่ารางวัล[]

"จิมมี่ เอซคีล เดาน์ตามหลังเรามา ฉันรู้ดีว่านายไม่ได้ฝักใฝ่โอเบนอนจริง ๆ หรอกและการที่ฉันพามานายมาที่นี่มันสร้างความเจ็บปวดให้นายแต่คนคนนี้มีอิทธิพลมาก ฉันจะต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อให้เดาน์เลิกวนเวียนตัวฉันสักที และถ้านายไม่ยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็แสดงว่านายโง่จริง ๆ"

- ไทคัส ฟินด์เลย์

ทั้งคู่ได้รับมอบยานอวกาศมาจากกลุ่มหัวกะโหลก เรย์เนอร์และฟินด์เลย์ได้มุ่งหน้าไปยังสถานีซ่อมบำรุงและเก็บกู้ซาก 5034 ในฐานะของคนรับซื้อขยะ งานของพวกเขาคือขึ้นไปบนสถานี เข้าไปยัง้องสำนักงานส่วนตัวหลายแห่งและขโมยบันทึกการทำงานของยานแยกขยะ ระหว่างการเดินทางนั้นเรย์เนอร์ได้รับข้อความพิกัดนัดพบ แฮมมอนด์ยังคงต้อการพบเขาที่นิวซิดนีย์

ทั้งคู่ผ่านด่านตรวจไปได้ฉลุยทว่าเมื่อพอจะเข้าเทียบท่านั้นประตูกลับปิดอยู่ พวกเขาจึงได้เข้าใจว่าพวกหัวกะโหลกนั้นหลอกให้มาที่นี่ ระหว่างที่พวกเขาเข้าไปยังสถานีนั้นก็ได้ยินเสียงโหยหวนที่เหมือนกับฮีรัม ฟีกและแคลร์ ฮอบบาร์ธ หลังจากที่ได้ยินเสียงแล้วพวกเขาก็ได้เห็นภาพโฮโลแกรมของริค คิดด์ที่ถูกบีบคอจนตายโดยนักฆ่าปริศนา นักฆ่าคนนั้นได้ฆ่าฟีกและฮอบบาร์ธอีกทั้งยังบันทึกภาพพวกเขาไว้ด้วย นักล่ารางวัลคนนี้มีชื่อว่าเอซคีล เดาน์ ซึ่งเดาน์ได้ใช้ภาพโฮโลแกรมเพื่อเขย่าขวัญคู่หูนอกกฎหมายนี้ เขาถูกจ้างให้มาฆ่าพวกเขาและได้ฆ่าคนไปทั้งสถานีเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ การยิงปะทะกันจึงเกิดขึ้นและนำไปสู่การต่อสู้ที่รุนแรง ในขณะที่คู่หูนอกกฎหมายได้เปรียบเรื่องจำนวนเขาก็ได้เปรียบจากแขนกลของเขาเอง

ทั้งคู่ได้ถอยหนีออกมาในที่สุด ฟินด์เลย์ได้เปิดประตูทางท่าเทียบยานด้วยมือในขณะที่เรย์เนอร์กำลังเตรียมยานบรรทุกสินค้าของพวกเขา ทั้งสองคนทำงานสำเร็จและฟินด์เลย์ได้กลับเข้ายานได้ทันก่อนจะโดนสุญญากาศดูดออกมากเกินไป หลังจากนั้นฟินด์เลย์จึงได้บอกเรย์เนอร์เกี่ยวกับข่าวลือของเดาน์และแนะนำว่าจุดหมายเดียวที่เหลือของพวกเขานั้นคือท่าเรือเดดแมนและควรยอมรับข้อเสนอของโอเบนอนที่เคยยื่นให้ไว้ ทว่าเรย์เนอร์ต้องการกลับไปยังนิวซิดนีย์เพื่อติดต่อกับแฮมมอนด์แต่เขายังคงเกรงกลัวเดาน์อยู่จึงยอมรับคำแนะนำของฟินด์เลย์แต่โดยดี จากนั้นทั้งคู่จึงมุ่งหน้าสู่เดดแมนส์ร็อค

ท่าเรือเดดแมน[]

JimRaynor Devils'Due Art2

เรย์เนอร์ปิดตาตนเองจากการแสดงบนเวทีของฟินด์เลย์

เมื่อเดินทางมาถึงเมืองพวกเขาก็ขายยานลำนั้นทิ้ง ทั้งคู่ได้พบกับเอ็ดเวิร์ด เบนส์ผู้ที่นำข้อเสนอแรกของโอเบนอนมายื่นให้กับฟินด์เลย์ที่นิวซิดนีย์ พวกเขาได้ถูกพาไปยังคฤหาสน์ของโอเบนอนและได้พบกับเขาคนนั้น ด้วยการที่เดาน์ยังคงตามล่าคู่หูคู่นี้อยู่จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเล็กน้อย โอเบนอนจะให้ที่หลบภัยแก่พวกเขาและในทางกลับกันเขาจะได้รับส่วนแบ่งจากงานมากขึ้นกว่าที่เคยคุยกันไว้ก่อนหน้า โดยพื้นฐานแล้วงานนี้เป็นไปได้อย่างดีเพราะทั้งคู่สามารถเดินเหินได้สะดวกในท่าเรือเดดแมนนี้ นอกจากนั้นยังได้เข้าถึงสินค้าและบริการที่หลากหลาย ฟินด์เลย์ได้เปลื้องผ้าออกเมื่อถึงช่วงกลางของการแสดงบนเวทีและได้ 'แสดง' ออกมาในแบบของเขาอย่างเช่นภาพด้านขวา โชคดีที่เรย์เนอร์เมาจนจำการแสดงนี้แทบไม่ได้

ในขณะที่ฟินด์เลย์มีความสุขดีภายใต้โอเบนอนแต่ทว่าเพื่อนเขากลับไม่ เดาน์ยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่เนื่องมาจากการที่เขาฆ่าทั้งคิดด์, ฟีกและฮอบบาร์ธ การค้ายาเสพติดของโอเบนอนนั้นมันทำร้ายเขาได้ดีพอ ๆ กับการที่โดนทรมาน ยิ่งไปกว่านั้นคือข้อความที่แฮมมอนด์ได้รับมาบนนิวซิดนีย์ (หนึ่งในข้อความที่เขาไม่ได้รับ) ซึ่งในเวลาต่อมาด้วยสถานะของเขาในท่าเรือเดดแมนนั้นทำให้เขาเสียสิทธิ์ในการได้รับข้อความนี้ ในฐานะคนกลางเรย์เนอร์จึงหาวิธีรับข้อความนี้จนได้ซึ่งมันบอกว่าแม่ของเขากำลังจะตายและเธอมีเวลาเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเรย์เนอร์จึงได้ตัดสินใจกลับไปยังชีโลห์ ฟินด์เลย์ปฏิเสธเพราะโอเบนอนได้มอบหมายงานใหม่ให้แล้วและเขาเบื่อกับการที่เรย์เนอร์แอบนินทาเจ้านายของเขา ทั้งสองคนเกือบจะแตกคอกันทว่าสุดท้ายแล้วฟินด์เลย์กลับต้องยอม เขาเห็นว่าการกลับไปยังชีโลห์นั้นสำคัญกับเพื่อนเขามากแค่ไหน เขาได้ปล่อยเรย์เนอร์ไว้ที่นั่นและให้เวลาเพียงหนึ่งวัน

หวนคืนสู่ชีโลห์[]

"พ่อรักลูกนะ ลูกคือลูกของพ่อและพ่อจะรักลูกตลอดไป พ่อเคยคิดจะบอกว่าพ่อภูมิใจในตัวลูก แต่ตอนนี้พ่อพูดอย่างนั้นไม่ได้อีกแล้ว ลูกได้จมดิ่งลงสู่ด้านมืดแล้วจิม มันเป็นหนทางที่พ่อไม่คิดว่าลูกจะเป็นและพ่อไม่ยอมรับมัน เรารักลูกแต่เราใช้เงินของลูกไม่ได้ มันเป็นเงินเปื้อนเลือดและไม่ใช่หนทางที่ลูกถูกเลี้ยงดูมา ลูกจำคำที่พ่อบอกได้ไหม? คนเราเลือกจะเป็นอะไรเราก็จะเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ชาติกำเนิดหรือการเลี้ยงดูที่จะสร้างคนคนนั้น มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเอง ตอนนี้ลูกเลือกที่จะเข้าสู่ด้านมืดที่พ่อมิอาจยอมรับได้ แต่คนเราจะกลับตัวกลับใจได้แม้ด้วยความคิดครั้งเดียว การตัดสินใจเพียงครั้งเดียว ลูกเลือกได้ที่จะเป็นคนใหม่ อย่าลืมล่ะ"

- ข้อความสุดท้ายของเทรซ เรย์เนอร์ถึงลูกชายของเขา

เรย์เนอร์กลับมายังชีโลห์และได้พบกับแฮมมอนด์ ที่นั่นเขาได้ทราบข่าวร้ายของครอบครัวเขาเอง เขาและแฮมมอนด์ได้ตั้งใจจะย้ายบ้านไปยังดาวมาร์ซารา หลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับแม่ซึ่งเธอได้ป่วยเป็นมะเร็งจากการขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ให้กับคลังเสบียงเก่าของสมาพันธ์เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชนของสมาพันธ์จากสงครามเหมืองอย่างไม่เต็มใจนัก หลังจากนั้นเธอจึงเปิดบันทึกของพ่อของเขาที่กล่าวไว้ก่อนสิ้นใจ ความในใจเหล่านี้อธิบายถึงการที่ครอบครัวเรย์เนอร์ไม่ยอมรับเงินของลูกชายรวมถึงความอับอายที่ลูกชายได้ก่อเอาไว้ เรย์เนอร์รู้สึกละอายใจแก่บาปเป็นอย่างมากและได้อยู่กับแม่ของเขาจนสิ้นใจซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก

จากนั้นเรย์เนอร์ได้ร่ำลาแฮมมอนด์ผู้ซึ่งสานต่องานของแครอลและกล่าวว่ามาร์ซาราจะต้อนรับเขาเสมอ หลังจากที่เขากลับสู่วงโคจรไปหาฟินด์เลย์แล้วนั้นเขาก็ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นรวมไปถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมาตลอดห้าปีของเขานั้นเริ่มไม่น่าอภิรมย์ขึ้นเรื่อย ๆ

ไล่ล่าเงามืด[]

"ไอ้หมอนี่มันกัดไม่ปล่อยเลย เราสลัดมันออกไม่ได้เลย สาเหตุที่เราหนีรอดจากมันมาได้สองครั้งคงเพราะโชคช่วย อย่างว่านั่นแหละ ไม่ใช่เพราะว่าเราฉลาดกว่า ดีกว่า หรือยิงปืนได้แม่นกว่าแต่เพราะโชคลางมันไม่แน่นอน แต่ก่อนเราใช้โล่มนุษย์ได้แต่ตอนนี้เรามีแค่ตะเกียงบุนเซนกับบีกเกอร์เท่านั้น"

- เรย์เนอร์กล่าวถึงเดาน์

งานที่โอเบนอนมอบหมายให้เรย์เนอร์และฟินด์เลย์นั้นอยู่ที่ฮาลไซออน ภารกิจของพวกเขาคือการพาตัวดอกเตอร์แอนดรูว ฟอร์เรสต์ออกมาจากที่แห่งนั้น โอเบนอนนั้นค้ายาแต่ชอบเก็บสะสมยามากกว่า เขาจึงสั่งให้ทั้งคู่ไปพาคนที่รู้สูตรของยาตัวใหม่ที่มีชื่อว่ายูโทเปียมาหาเขา พวกเขาปลอมเป็นหมอและได้เที่ยวชมโดยมีฟอร์เรสต์เป็นผู้นำทางและได้ขอช่องทางติดต่อเอาไว้เมื่อมีโอกาส ดอกเตอร์ได้เตรียมแผนเอาไว้และกำลังจะจากไป ทว่าในพวกเขาไม่มีใครเลยที่มีแผนรับมือจากการตัดไฟจากการกลับมาของเอซคีล เดาน์เลยสักคน ฟอร์เรสต์ถูกฆ่าและเช่นเคยที่ทั้งสองหนีรอดไปได้พร้อมกับตัวอย่างของยูโทเปีย เรย์เนอร์รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมากกว่าครั้งแรกที่ได้เจอและเริ่มหวาดระแวงโอเบนอนว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้

เขาเริ่มสงสัยในบุญคุณครั้งนี้ โอเบนอนหัวเสียจากการที่พวกเขาไม่สามารถพาฟอร์เรสต์กลับมาได้และนั่นทำให้ข้อตกลงเรื่องที่เขาจะจัดการให้เดาน์หยุดตามตัวพวกเขายิ่งดูเบาบางลง ด้วยความโกรธแค้นเรย์เนอร์จึงจมลงสู่ความโศกเศร้าและฉุกคิดได้ว่าหากโอเบนอนจะเลี้ยงพวกเขาไว้ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้มันอาจจะจบไม่สวยอย่างที่คิด ระหว่างนี้คำพูดของพ่อเขาได้วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา เรย์เนอร์ได้ประจักษ์ว่าการพูดนั้นง่ายกว่าลงมือทำ ในตอนนี้ฟินด์เลย์ไม่ได้มีความคิดเห็นต่างจากการหนีจากโอเบนอนเสียทีเดียว เขาแนะนำไว้ว่าการหลบหนีออกจากที่นี่ต้องมีแผนที่ดี ในขณะเดียวกันเจ้าแห่งอาชญากรรมก็ได้เตรียมแผนการปล้นครั้งใหม่ หากงานนี้สำเร็จด้วยดีทั้งสองก็อาจจะได้ชีวิตใหม่

จุดจบของคนนอกกฎหมาย[]

"ที่ผ่านมาแกเห็นดีด้วยกับฉันมาตลอดแม้ว่าฉันจะบอกว่าไม่เคยทำอะไรดี ๆ เลยในชีวิตก็ตาม สิ่งที่ฉันไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้เลย ฉันคิดว่าแกถูกแต่แกคิดผิด ไปซะตั้งแต่ตอนนี้ ไปชำระล้างมลทิน ไปหาอะไรทำในชีวิตที่มีอยู่ แกได้โอกาสนี้แล้ว อย่าทิ้งโอกาสที่ฉันให้ไปตอนนี้ที่นี่เลย"

- ฟินด์เลย์เสียสละอิสรภาพของตนให้แก่เรย์เนอร์

ThompsonFindlayRaynor Devils'Due Art1

การปล้นธนาคาร

การปล้นของโอเบนอนในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ธนาคารโควิงตันบนดวงจันทร์แบคคัสโดยมีลูกน้องฝีมือดีของเจ้าแห่งอาชญากรรมไปร่วมด้วย เขาชื่อว่าแอช ทอมป์สัน บนดวงจันทร์นั้นพวกเขาได้พบกับผู้ติดต่อของพวกเขาซึ่งได้มอบอุปกรณ์ที่จะช่วยพวกเขาในการเข้าปล้นครั้งนี้ ทว่างานนี้กลับยุ่งยากกว่าที่คิดเนื่องจากการปรากฏตัวของวิลคส์ บัตเลอร์ซึ่งจะมาเข้าร่วมการประชุมผู้นำเหล่าทัพระหว่างดวงดาว พวกเขาวางแผนจะเปลี่ยนเส้นทางของเขาแต่ทว่าระหว่างการลองผิดลองถูกอยู่นั้นพวกเขาได้เลือกใช้จอร์จ วูดลีย์ซึ่งได้รับการรักษาจากการปะทะกับพวกเขาที่นิวซิดนีย์ และการปล้นต้องดำเนินต่อ ณ เดี๋ยวนั้นเวลานั้น ในขั้นต้นนั้นมันสำเร็จไปได้ด้วยดี ด้วยบรรดาผู้ใช้บริการต่างนิ่งสงบระหว่างที่ถูกปืนจ่อหัวอยู่ ทำให้หุ่นยนต์แมงมุม และเหล่าคนนอกกฎหมายนี้ไปถึงยังห้องเก็บเงินได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยังคงหลอกหลอนเรย์เนอร์อยู่ก็คือเงินพวกนี้นั้นเดิมทีจะถูกนำไปช่วยเหลือชาวไร่ชาวนาและฟินด์เลย์รู้เรื่องนี้ดี ทั้งสองคนได้ทะเลาะวิวาทกันและเพื่อไม่ให้งานล่าช้าทอมป์สันจึงใช้หุ่นแมงมุมฆ่าลูกค้าธนาคารตายคาที่ ด้วยการนี้เรย์เนอร์จึงรู้สึกเหมือนโดนหักหลังและประกาศขอแยกตัวออกจากโอเบนอนโดยทันที ทอมป์สันและลูกน้องจึงเปิดฉากยิงทว่าฟินด์เลย์และเรย์เนอร์กลับเป็นผู้กำชัยแม้ว่าเรย์เนอร์จะได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงก็ตาม

ทั้งคู่หนีขึ้นไปยังเพิงพักบนยอดตึกธนาคารซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการหลบหนี ทว่าพวกเขากลับล่าช้าเนื่องด้วยบาดแผลของเรย์เนอร์พร้อมกับการปรากฏตัวครั้งที่สามของเดาน์ซึ่งกำลังไล่ต้อนพวกเขาอยู่ ชัยชนะอยู่เพียงเอื้อมเมื่อเดาน์เผยว่าเจเวียร์ แวนเดอร์สพูลซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่เป็นผู้ตั้งค่าหัวพวกเขาทั้งสองและรวมถึงสมาชิกในหน่วยปีศาจสวรรค์ทุกคนด้วย ด้วยความมั่นใจในตัวเองเกินไปของเดาน์ทำให้เรย์เนอร์หาช่องโหว่เพื่อยิงปืนปลิดชีพเขาได้ เขาได้รับชัยชนะแต่ก็สูญเปล่าเพราะเจ้าหน้าที่กำลังจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า ด้วยความต้องการล้างบาปตนเองฟินด์เลย์จึงยันเจ้าหน้าที่ไว้ให้ได้นานพอที่จะให้เรย์เนอร์หนีไปได้ เกือบทศวรรษผ่านไปเรย์เนอร์ยังคงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเพื่อนเก่าของตนอยู่

สิทธิของปีศาจ[]

"ไม่ใช่เพื่อล้างแค้นแต่เพื่อความยุติธรรม เพื่อความสมดุล เพื่อนำพาสิ่งชั่วร้ายออกไปจากกาแล็กซีตลอดกาล เพื่อบางสิ่งที่ดีงามจะได้เติบโตขึ้นมาแทน สิ่งนี้เพื่อปีศาจสวรรค์ เพื่อมิตรสหายของพวกเขาทุกคน และเพื่อทุกคนที่แกได้ทำลายชีวิตเขาไปตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา"

- คำกล่าวสุดท้ายของเรย์เนอร์แก่แวนเดอร์สพูล

เรย์เนอร์ได้เดินทางไปพบแฮมมอนด์ที่มาร์ซาราตามคำขอของเขา แฮมมอนด์ซึ่งในขณะนี้ได้เป็นเจ้าอาณานิคมได้ยื่นข้อเสนอให้เรย์เนอร์ทำหน้าที่เป็นจอมพลเพื่อเป็นการตอบแทนในความเมตตากรุณาเนื่องด้วยเขาเห็นปูมหลังของเรย์เนอร์ที่จะเป็นประโยชน์ในการพิทักษ์กฎหมาย เรย์เนอร์ขอพิจารณาดูก่อนและขอสะสางเรื่องหนึ่งก่อน เรื่องหนึ่งที่เขาวางแผนว่าจะทำหลังจากหนีออกมาจากดวงจันทร์แบคคัส หลังจากการวางแผนและค้นข้อมูลอยู่หลายเดือนเขาก็ได้เดินทางไปหาบางสิ่งบางอย่างซึ่งก็คือเจเวียร์ แวนเดอร์สพูลที่รักษาตัวอยู่กับเครื่องช่วยหายใจทว่ายังไม่สิ้นฤทธิ์ ทั้งสองคนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ความเกลียดชังซึ่งกันและกันตลอดหกปีที่ผ่านมาได้เผยออกมาให้เห็น แวนเดอร์สพูลพยายามติดสินบนเรย์เนอร์รวมไปถึงขอร้องให้ไว้ชีวิตตนเอง เรย์เนอร์ไม่ได้คิดเช่นนั้นและรู้ดีว่าเขายังคงเป็นตัวอันตรายเหมือนที่อยู่บนทูแร็กซิส 2 ที่ผ่านมา เขาจึงยิงแวนเดอร์สพูลจนตาย ไม่ใช่เพราะความโกรธแต่เพื่อความยุติธรรม เขานึกถึงคำพูดของพ่อของเขา เรย์เนอร์วางปืนลงบนสิ่งที่จะกลายเป็นโลงศพของแวนเดอร์สพูลในเวลาต่อมาและเดินจากไป เขาจะเป็นในสิ่งที่เขาเลือกจะเป็น

ชีวิตพลเมือง[]

"ฉันเคยใช้ชีวิตปกติเมื่อนานมาแล้ว มันคงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว"

- เรย์เนอร์ละลึกความหลังของชีวิตตนเอง

JimRaynor SC-FL4 Head2

เรย์เนอร์ในปี 2496

ภายหลังจากการสะสางเรื่องของแวนเดอร์สพูลแล้วเรย์เนอร์ก็ได้กลับไปยังมาร์ซารา ที่บาร์เจไนส์เขาได้พบกับลิดดี ทั้งสองมีความรักให้กันอย่างรวดเร็ว ไม่นานต่อมาทั้งคู่ก็แต่งงานกันและอยู่ร่วมชายคาฉันสามีภรรยา หลังจากนั้นไม่นานนักลิดดีก็ตั้งท้องลูกชายของพวกเขาซึ่งได้ชื่อว่าจอห์นนี

จิม เรย์เนอร์ได้ตอบรับข้อเสนอของแฮมมอนด์ในปี 2496 ซึ่งแฮมมอนด์ก็ยินยอมเป็นอย่างดีและนั่นทำให้เรย์เนอร์ได้กลายเป็นจอมพลและยังได้ลบประวัติทางกองทัพของเขาจนหมดสิ้น อย่างไรก็ตามเขากลับไม่ชอบเจ้าหน้าที่ใต้บัญชาของเขาหลายคน ยกตัวอย่างเช่นนายอำเภอเกลนน์ แมคอารอนที่ยังคงคิดว่าตัวเขาเป็นอาชญากรโดยแก่นแท้

เรย์เนอร์ได้รับมอบหมายให้ส่งตัวอาชญากรกลุ่มหนึ่งไปยังเรือนจำเอลอินดิโอ เขาต้องข้ามผ่านดินแดนอันไร้กฎหมายนามว่าทางข้ามนรก ระหว่างทางนั้นเขาได้พบกับยานขนส่งทางวิทยาศาสตร์ลำหนึ่งที่ถูกปล้นโดยกลุ่มพ่อค้าทาสนามว่าแก๊งเมเซอร์ซึ่งนำโดยอาชญากรชื่อเมเซอร์ เรย์เนอร์ได้ยื่นโอกาสให้นักโทษของเขาสามคนในการล้างบาปของตนเองโดยการช่วยเหลือนักโทษคนอื่น ๆ ซึ่งพวกเขาได้ตอบตกลงและพากันบุกค่ายทว่านักโทษสองคนของเขาคือทีโบน สมอลส์และรอดนีย์ โอซีนได้หักหลังเรย์เนอร์และทำให้เขาหมดสติไป ในทางกลับกันนักโทษอีกคนชื่อว่ามาร์ดุก ซาลได้ยึดถือคำพูดของเขาและจัดการน็อคนักโทษทั้งสองคนนั้นและฆ่าเมเซอร์เสียก่อนที่เขาจะฆ่าเรย์เนอร์ได้ เรย์เนอร์ได้ทำตามที่สัญญาเอาไว้คือปล่อยซาลให้เป็นอิสระและพาตัวสมอลส์กับโอซีนไปยังเรียนจำเอลอินดิโอ

ในเวลาต่อมาเรย์เนอร์ได้มีชื่อเสียงจากการที่ไม่เคยยิงอาชญากรคนใดเลยซึ่งถือเป็นสิ่งที่กระทำได้ยากยิ่ง รายงานนี้ได้ถูกนำมาถกเถียงกันโดยอ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังทางข้ามนรก

JimRaynor PerditionsCrossing Art1

จอมพลเรย์เนอร์ในวัยหนุ่ม

ลิเดียขอให้จิมสัญญาว่าจะยืนหยัดต่อสิ่งที่เขาเชื่อ

จอห์นได้เกิดมาในเวลาต่อมาและถูกกล่าวว่าได้รับพรสวรรค์ให้มีพลังจิตโดยสถาบันสุขภาพและวิจัยแห่งทาร์โซนิส ในปี 2498 ทางการได้ขอให้ครอบครัวเรย์เนอร์ส่งตัวลูกชายให้ จิมไม่ยินดีในเรื่องนี้แต่ลิเดียคิดว่าการที่จิมไม่ไว้ใจทางสมาพันธ์นั้นเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล หลายเดือนต่อมาพวกเขาได้รับจดหมายจากทางสถาบันว่าจอห์นถูกฆ่าตายด้วยอุบัติเหตุบนยานอวกาศ ลิเดียโทษตัวเองและตรอมใจตาย

จิม เรย์เนอร์ได้ฝังตัวตนของเขาลงไปกับกองงานเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องราวของความสูญเสีย ขณะนั้นเองเขาก็ได้เรียนรู้วิธีการจัดการอาณานิคมไปด้วยเช่นกัน

มหาสงคราม[]

JimRaynor SC1 HeadAnim1

เรย์เนอร์ในช่วงมหาสงคราม

"สวัสดีหนุ่ม ๆ ผมคือจิม เรย์เนอร์ จอมพลของที่นี่"

- เรย์เนอร์แนะนำตัวเองแก่ชาวอาณานิคมมาร์ซารา

เรย์เนอร์มีอายุได้ 29 ปีเมื่อโปรตอสได้เข้ารุกรานเชาซาราและนั่นได้ก่อให้เกิดมหาสงคราม เมื่อการโจมตีเริ่มต้นพร้อมกับการรุกรานของเซิร์กที่มาร์ซาราเรย์เนอร์ได้รับคำสั่งมาจากสำนักงานเจ้าอาณานิคมให้ทำการคุ้มกันและอพยพชาวอาณานิคมหลักไปยังเขตเวสต์แลนด์อันห่างไกล ที่นั่นเองที่เขาได้สนิทสนมกับเจ้าอาณานิคมคนใหม่ ซึ่งพวกเขาได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

JimRaynor SC2 Art4

เรย์เนอร์ปะทะเซิร์ก

ระหว่างการคุ้มกันชาวอาณานิคมอยู่นั้นฐานการอพยพได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากสถานีแบควอเตอร์ ผู้บัญชาการเอ็ดมันด์ ดุคแห่งกองรบอัลฟาได้ออกคำสั่งให้เหล่าชาวอาณานิคมไม่เข้าไปยุ่งโดยบอกว่ากองรบอัลฟานั้นสามารถรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้ ทว่าเรย์เนอร์กลับคิดว่ากองทัพของสมาพันธ์มิอาจเข้ามาช่วยเหลือได้ทันท่วงทีและได้วางแผนเพื่อเข้าช่วยเหลือสถานีแบควอเตอร์ซึ่งเท่ากับเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง ท่านเจ้าอาณานิคมจึงได้ส่งกองกำลังอาสาสมัครบางส่วนเข้าไป ระหว่างการศึกครั้งนั้นพวกเขาได้ช่วยเหลือนักข่าวไมเคิล ลิเบอร์ตีแห่งสำนักข่าวจักรวาลที่ฐานแอนธึมไว้ด้วยซึ่งต่อมาเขาได้เข้าร่วมกับคนเหล่านี้ เมื่อมาถึงยังสถานีแบควอเตอร์พวกเขาได้ขับไล่เซิร์กออกจากพื้นที่และเข้าทำลายศูนย์บัญชาการที่ติดเชื้อ ทว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้พวกเขาผิดใจกับดุค ในเวลาต่อมาเรย์เนอร์และคนของเขาถูกจับกุมในข้อหาทำลายทรัพย์สินของสมาพันธ์ พวกเขาถูกนำตัวขึ้นยานลำเลียงนักโทษเมอร์ริแมค

บุตรแห่งโคร์ฮอล[]

การปรากฏตัวในสื่ออื่น[]

เกมยูนิต[]

บุคลิกและอุปนิสัย[]

โน้ต[]

อ้างอิง[]

http://starcraft.wikia.com/wiki/Jim_Raynor

Advertisement